อันตรายจากการจัดฟันแฟชั่น


อุทาหรณ์!!สาว16อยากสวยพึ่งร้านเเสริมสวยข้างบ้านดัดฟันแฟชั่น ปากบวมเน่า


             เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม  ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งมีหญิงสาวอายุ 16 ปี ชาวอำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อยากสวยใส่เหล็กดัดฟันแฟชั่น เกิดอักเสบป่วยติดเชื้ออย่างรุนแรงจนทำให้ปากบวมแดงอักเสบและเป็นหนอง ไม่สามารถพูดและรับประทานอาหารได้ โดยได้พามาให้แพทย์ รพ.แห่งหนึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาทำการรักษา                 
                แพทย์รายเดียวกันเปิดเผยอีกว่า  มีผู้ป่วยหลายรายไปใส่เหล็กดัดฟันจากตลาดนัด เกิดอักเสบมารักษาประจำแต่รายนี้อักเสบมากถึงขนาดติดเชื้ออย่างรุนแรงปากอักเสบเป็นหนอง จึงขอแนะนำผู้ที่จะดัดฟันหรือดัดฟันแฟชั่นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเท่านั้นจึงจะปลอดภัย ส่วนแม่ค้าที่ไม่มีความรู้นำมาขายตามตลาดนัดนั้น  ถือว่าผิดกฎหมายขอให้เลิกกระทำ และประชาชนอย่าหลงเชื่อเข้าไปใช้บริการไม่เช่นนั้นจะเหมือนผู้ป่วยรายนี้ 

ข่าวเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2558
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : มติชนออนไลน์


****************************************


สาวม.5ดัดฟันแฟชั่นกับคลินิกเสริมงามติดเชื้อตาย


         
     นร.หญิง ม.5 ขอนแก่นฮิตตามเพื่อน ขอเงินแม่ 2 พันเข้าคลินิกเสริมความงามใส่เหล็กดัดฟันแฟชั่น กลับมาปวดฟันจนเหงือกบวมทนได้ 10 วันโอดโอยจนต้องส่งโรงพยาบาล แพทย์ตรวจพบเป็นโรคหัวใจ-ไทรอยด์ติดเชื้อให้ยากลับบ้าน ตกดึกปวดฟันแน่นหน้าอกส่งโรงพยาบาล 3 วันเสียชีวิต แพทย์เตือนใส่เหล็กดัดแฟชั่นอันตรายถึงชีวิต ด้านอาจารย์ระบุนักเรียนสุดฮิตทำเป็นแฟชั่น ออกคำสั่งห้ามทำโดยเด็ดขาดแล้ว

ข่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2552
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ข่าวคมชัดลึก



การจัดฟันแฟชั่น (Braces Fasion)


                การจัดฟันแฟชั่น  มีความแตกต่างจากการจัดฟันจริง กล่าวคือ การจัดฟันแฟชั่นเป็นการจัดฟันเพียงเพื่อความสวยงามเวลายิ้มออกมาเท่านั้น  เป็นเรื่องของค่านิม ดังนั้นหากคิดจะจัดฟันแฟชั่นต้องเข้าใจว่าผลของการจัดฟันแฟชั่นนั้นจะไม่ใช่แบบเดียวกับที่จัดฟันจริง ๆ ซึ่งมีส่วนในการปรับแก้ช่องปากให้สวยงาและสุขอนามัยของที่ดีในอนาคต


                 การ จัดฟันแฟชั่น ในขณะนี้ กลุ่มที่นิยมส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ เชื่อกันว่า การจัดฟันจะทำให้มีใบหน้าเรียวยาวสวยงามขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง จริงๆแล้วการจัดฟันเป็นการรักษาในรายที่มีฟันผิดปกติ เช่น ฟันยื่น หรือฟันเก อาจสร้างปมด้อยและเกิดปัญหาตามมา  จึงไปจัดฟันในราคา 600-700 บาท และยังไม่รู้ถึงอันตรายของการจัดฟันกับ หมอเถื่อน รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ว่ามีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด
           เนื่อง จากการจัดฟันแฟชั่นไม่ใช่การรักษาทางทันตแพทย์ แต่เป็นการพยายามใส่เครื่องมือ ที่เลียนแบบการจัดฟันแบบติดแน่นที่ทันตแพทย์ใช้ในการรักษาผู้ป่วย และมีข้อมูลว่าหมอเถื่อนบางรายใช้ กาวตราช้าง ยึดติดลวดกับฟัน ซึ่งมีอันตรายมากกับเคลือบฟัน ทำให้เคลือบฟันบางลง จะทำให้ฟันผุได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ บรรดาลวดดัดฟันแฟชั่นที่วางขายทั่วไปนั้น มีลักษณะเป็น ลวดสเตนเลส หรือ ลวดที่ใช้ร้อยดอกไม้ และมีการใส่ ลูกปัดหลายสี พลาสติกยาง กากเพชร อุปกรณ์เสริมความเก๋เหล่านั้น เขาตรวจสอบพบว่ามีสารปนเปื้อนหลายชนิด เช่น ตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียม สารหนู และอื่นๆ หากสะสมในร่างกายในปริมาณมากจะก่อให้เกิดผลต่อไต ทำให้ไตวายถึงขั้น เสียชีวิตได้!!

การดูแลรักษาฟันของคนจัดฟัน




1.ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังทานอาหาร และก่อนนอน เนื่องจากในระหว่างที่ทานอาหาร จะมีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟันเยอะมาก บางครั้งการบ้วนปากเพียงอย่างเดียวไม่สามารถกำจัดเศษอาหารที่ตกค้างออกได้หมด ถ้าเป็นไปได้ก็ควรใช้ไหมขัดฟันทุกครั้งหลังทานอาหารเช่นเดียวกัน แต่ถ้าไม่สะดวกก็ต้องใช้วันละ 1 ครั้ง ก่อนแปรงฟันตอนเย็น





2.กรณีที่ใช้ไหมขัดฟันไม่สะดวก อาจจะเลือกใช้เป็น ไหมขัดฟันชนิดพิเศษ (Superfloss) ช่วยทำความสะอาดแทน โดยใช้ส่วนปลายของไหมขัดฟันชนิดพิเศษซึ่งมีความแข็งสอดเข้าไประหว่างฟัน และลวด

รูปภาพแสดงการใช้ superfloss

3.ใช้ยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ และ ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละครั้งเพื่อลดอัตราการเกิดฟันผุ



4.ใช้แปรงสีฟันที่ออกแบบมาเฉพาะคนไข้จัดฟันจะสามารถทำความสะอาดได้ง่าย และสะอาดกว่าการใช้แปรงสีฟันธรรมดา    การใช้แปรงซอกฟัน จะสามารถเข้าไปทำความสะอาดซอกฟัน และบริเวณใต้ลวดได้ ทำโดยการสอดหัวแปรงเข้าใต้ลวดระหว่างซอกฟัน และหมุนเบาๆ



5.ควรจะขูดหินน้ำลาย ร่วมกับการตรวจเช็คฟันผุ ทุก 6 เดือน เนื่องจากในคนไข้ที่ติดเครื่องมือจัดฟันจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเหงือกอักเสบ และฟันผุได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

รูปภาพแสดงการขูดหินน้ำลาย


                            

*******************************************

การดูแลรักษาฟันเพื่อการจัดฟัน

          

           ก่อนจัดฟันต้องตรวจสุขภาพฟันทั้งช่องปาก 

  • ถ้ามีฟันผุ ก็ต้องอุดฟันก่อน และขูดหินปูนเคลือบฟลูออไรด์และเคลือบร่องฟันที่มีหลุมลึกเพื่อป้องกันฟันผุขณะจัดฟัน 
  • ใน2-3 ปี คนไข้ต้องได้รับการขูดหินปูน เคลือบร่องฟัน พร้อมเคลือบฟลูออไรด์ทุก 3 - 6 เดือน และทันตแพทย์จะตรวจฟันให้คนไข้ตลอดว่ามีฟันผุเพิ่มขึ้นหรือไม่ ถ้ามีจะได้ทำการรักษาได้ทันทีหลังจัดฟันเสร็จเรียบร้อย
  •  คนไข้จะต้องมาพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟันและใส่ retainer (พลาสติกยึดฟันหลังการรักษา) อย่างเคร่งครัด ตามเวลาที่ทันตแพทย์กำหนด  

***  คนไข้จัดฟัน  ควรใส่retainer ตามทันตแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด มิฉนั้นอาจต้องเริ่มต้นจัดฟันใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกด้วย ***

ข้อดี-ข้อเสียของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน


                     ช่วยแก้ปัญหาในการบดเคี้ยวอาหาร ช่วยทำให้ใบหน้ามีความสวยงามและแก้ไขความผิดปกติในการทำหน้าที่ของอวัยวะในช่องปากให้เป็นไปอย่างถูกต้อง เช่น การเรียงฟันที่ไม่ดี อาจส่งผให้เกิดการปวดของขากรรไกร หรืออาจทำให้เหงือกบาดเจ็บ หรืออาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบ หรืออาจจำเป็นต้องจัดฟันเพื่อการรักษาชนิดอื่นให้ประสบผลสำเร็จมากขึ้น เช่น การใส่สะพานฟัน การครอบฟัน และการใส่ฟันชนิดถอดได้


การครอบฟัน
การทำสะพานฟัน
ข้อเสียของการจัดฟัน

รูปภาพแสดงเหงือกร่นจากการจัดฟัน
               ข้อเสียของการจัดฟันที่มักพบบ่อยๆ ในระหว่างที่จัดฟัน นั่นคือ ในขณะที่เราทำการดัดฟัน เราต้องเจ็บปวดทรมานตอนที่หมอดึงลวด บางครั้งลวดอาจบาดปากได้ และขณะที่เราใส่เหล็กดัดฟันบางคนฟันจะห้อยๆ เหมือนอมอะไรอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งเมื่อทำการการจัดฟันแล้วต้องเข้าพบทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการจัดฟันโดยเฉพาะอยู่บ่อยๆ เพื่อดูความคืบหน้าของฟัน ทำให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมาก และยังต้องดูแลรักษาฟันที่จัดอยู่อย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้อาจพบปัญหาเหงือกร่นจากการจัดฟันอีด้วย
               แต่ที่หลายๆ คนกังวลนั่นคือ การใส่รีเทนเนอร์ เพราะหลังการจัดฟัน หลายๆ คนต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอด แต่อย่างไรก็ตามหากเราปฏิบัติตามที่ทันตแพทย์แนะนำ ว่าต้องใส่รีเทนเนอร์นานแค่ไหน เราก็ไม่ต้องจำเป็นที่จะต้องใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลา และข้อเสียข้อสุดท้ายนั่นคือฟันที่เราทำการจัดมา เนื่องจากมีการเคลื่อนตัวในการจัดฟัน เพื่อเปลี่ยนตำแหน่งของฟัน จึงทำให้ความคงทนถาวรของฟัน หรืออายุการใช้งานของฟันลดลง โดยเรามักจะพบว่าผู้ที่เคยจัดฟันมาก่อนเมื่ออายุมากขึ้นมักจะต้องใส่ฟันปลอม เพราะฟันหลุดร่วงง่ายนั่นเอง

ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : ข้อเสียจากการจัดฟัน
                                 เหงือกร่นจากการจัดฟัน

การจัดฟันจำเป็นหรือไม่ ?

          หากการเรียงตัวที่ดีของฟัน จะทำให้การสบฟันดีขึ้น ความสัมพันธ์ของฟันและขากรรไกรดีขึ้น รวมทั้ง ทำให้สามารถทำความสะอาดเหงือกและฟัน และดูแลสุขภาพช่องปากได้ดีขึ้น การจัดฟันก็น่าจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับเรื่องเวลา และค่าใช้จ่าย ว่าสามารถรับผิดชอบได้หรือไม่ หากไม่สามารถให้เวลามารับการรักษาได้ หรือไม่สามารถรับภาระค่าใช้จ่ายได้ ก็อาจต้องพิจารณาถึงทางเลือกอื่นๆ ต่อไป

แล้วจัดฟันแบบไหน ดีที่สุด ?

      เนื่องจากแต่ละวิธี มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ในแง่ของข้อบ่งชี้ ข้อห้าม รวมทั้งเรื่องราคา และเวลาที่ใช้ในการรักษา ดังนั้น อาจมีหลากหลายวิธีที่ดีและเหมาะสมสำหรับแต่ละคน ทั้งนี้ขึ้นกับอีกหลายปัจจัย ซึ่งต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบก่อนเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ในคนแต่ละคน ก็มีสภาพปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การพิจารณาเลือกใช้วิธีในการจัดฟัน ก็ต้องขึ้นอยู่กับสภาพปัญหา และปัจจัยอื่นๆ ของแต่ละคนเป็นหลัก



การจัดฟันคืออะไร ???

รูปแสดงลักษณะของทันตกรรมจัดฟัน

           การจัดฟันเป็นกระบวนการแก้ไขความไม่สมดุลที่เกิดขึ้นจากการเรียงตัวของฟัน และการสบฟัน   ที่ผิดปกติให้กลับไปสู่สภาพที่ปกติ ซึ่งโครงสร้างที่ถูกปรับเปลี่ยนรวมทั้งฟันที่ถูกเลื่อนไปจะเกิดจากการใช้แรงที่ละเอียดอ่อนทั้งจากเครื่องมือภายนอกและภายในช่องปากเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการปรับแต่งใหม่ กระดูกที่ล้อมรากฟันจะเกิดการละลายและเสริมสร้างใหม่ของกระดูกแบบค่อยเป็นค่อยไปและเกิดการเคลื่อนตัวของฟันในอัตราเฉลี่ย 1 มิลลิเมตร ต่อ 1 เดือน 

การจัดฟันมีกี่วิธี ?

การจัดฟัน โดยทั่วไป ก็มีทั้ง ชนิดติดแน่น และชนิดถอดได้ หากแบ่งออกตามการติดเครื่องมือ ก็สามารถแบ่งได้เป็น

  1. ชนิดติดแน่น ด้านหน้า ซึ่งแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ดังต่อไปนี้
  • ชนิดที่เป็นโลหะ เครื่องมือที่ติดแน่นบนตัวฟันทำด้วยโลหะ มองเห็นได้ชัดเจน

  • ชนิดที่เป็นเซรามิค หรือ เรซิน ซึ่งสีของเครื่องมือจะใกล้เคียงกับสีของฟัน ให้ความสวยงาม



  • ระบบ Damon ซึ่งเป็นระบบที่มีฝาเปิด-ปิดเพื่อให้ลวดอยู่ภายในช่องของเครื่องมือ โดยที่ไม่ต้องใช้ยางรัดลวดเข้ากับเครื่องมือ (self-ligating) โดยหากเป็น Damon-2 จะเป็นโลหะล้วน มีกลไกการเปิด-ปิดฝาต่างจาก Damon-3 ซึ่งจะมีครึ่งล่างเป็นโลหะ และครึ่งบนเป็นเซรามิก และ Damon MX จะเป็นโลหะล้วน แต่ใช้กลไกการเปิดปิดฝาเหมือน Damon-3
รูปแสดงทันตกรรมจัดฟันระบบ Damon
2. ชนิดติดแน่น ด้านใน ช่วยในเรื่องของความสวยงาม เพราะไม่เห็นเครื่องมือเมื่อยิ้ม

3. 
ชนิดใส เช่น อินวิซไลน์ ( Invisalign ®) หรือ เอสซิก (Essix ®) เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องติดเครื่องมือจัดฟัน เครื่องมือที่ใช้จะเป็นพลาสติกแข็ง ใส ใช้สวมครอบทับบนฟันเอาไว้ ให้ความสวยงามเหมือนธรรมชาติมาก และง่ายต่อการดูแลฟันธรรมชาติในช่องปาก เพราะสามารถถอดเครื่องมือออกได้ในเวลารับประทานอาหารและเมื่อทำความสะอาดฟัน

           
         บางครั้ง สภาพปัญหาไม่ได้เกิดจากเรื่องของฟันแต่เพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากโครงสร้างกระดูกขากรรไกรด้วย การจัดฟันแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ คงต้องมีการผ่าตัดเพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างกระดูกร่วมด้วย   อนึ่ง การจัดฟันแต่ละรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้น มีข้อบ่งชี้ และข้อห้าม ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับสภาพปัญหาของแต่ละคน ควรปรึกษาทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมต่อไป

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ :http://www.dentist51.com/FAQ/orthodontics_th.php#Dental-Orthodontics